Balenciaga เป็นแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดจากดีไซเนอร์ชาวสเปน คริสโตบัล บาเลนซิเอก้า (Cristóbal Balenciaga) เขาได้สร้างสรรค์การออกแบบเสื้อผ้าที่มีสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ โดยมีตั้งแต่แฟชั่นไฮสตรีท ไปจนถึง Luxury Fashion และ Item ที่โดดเด่นซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ นั่นก็คือ Balenciaga City กระเป๋าที่เป็น It Bag ในตำนานที่ครองใจเหล่าคนดังทั่วโลก และในวันนี้เราจะมาเจาะลึก วิธีดู Balenciaga ของแท้ ด้วยตัวคุณเองง่าย ๆ ใน 5 ขั้นตอน
1. Interior Label
สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดเป็นอันดับแรกเมื่อเรามองเข้าไปภายในกระเป๋านั่นก็คือ ป้ายแท็กด้านในกระเป๋า และป้ายเหล่านั้นควรจะเป็นป้ายโลหะหรือหนัง ตัวอักษรที่กำกับบนป้ายในปี ค.ศ. 2001 – 2004 จะเป็นคำว่า Balenciaga_Paris และหลังจากปี 2005 ตัวอักษรบนป้ายจะเป็นคำว่า Balenciaga.Paris ดังนั้นจึงต้องสังเกตเครื่องหมายอักขระ (_) และ เครื่องหมายมหัพภาค ( . ) ในส่วนของป้ายโลหะนั้นในช่วงปี 2001 – 2008 จะทำจากเงินแท้ (Silver) แต่ในปัจจุบันป้ายโลหะทำจากนิเกิล (Nickel)
2. Serial Number
หมายเลข Serial Number ของกระเป๋า Balenciaga จะอยู่ตรงบริเวณด้านหน้าหรือด้านหลังของป้ายแท็กในกระเป๋า โดยรายละเอียดของหมายเลข Serial Number จะประกอบไปด้วย ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ ตามด้วยสัญลักษณ์ Apostrophe ( ‘ ) มากับตัวเลข 4-5 หลัก ซึ่งตัวเลขชุดนี้ จะหมายถึง “วัสดุที่ใช้ทำกระเป๋า” และมีตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ตัวสุดท้าย ที่เป็น Code บอกว่ากระเป๋าใบนี้มาจากคอลเล็กชั่นใดในปีอะไร ส่วนชุดตัวเลข 6 หลักในบรรทัดที่สอง หมายถึง “รุ่นของกระเป๋า”
ตัวอย่างการอ่าน Serial Number N’ 0754 C 115748 ตัวเลขในชุดแรก คือ 0754 เป็นรหัสของสีหนังที่ใช้ผลิตกระเป๋า ตัวอักษร C หมายถึง กระเป๋าถูกผลิตในคอลเล็กชั่น Spring/Summer 2004 สังเกตจากตัวเลข 925 ในวงกลม ซึ่งตัวเลขนี้มีในเฉพาะในแท็กเงินของกระเป๋าที่ผลิตช่วงปี ค.ศ. 2001 – 2008 เท่านั้น และตัวเลขชุดสุดท้าย 115748 ที่บอกว่ากระเป๋ารุ่นนี้ คือ กระเป๋า Balenciaga City
3. Hardware
Hardware ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้กระเป๋าดูโดดเด่นและเป็นสัญลักษณ์ของ Balenciaga และกระเป๋าแต่ละรุ่นก็จะมี Hardware ที่แตกต่างกันออกไป Hardware แบบแรกที่ผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 2000 ทำจากทองเหลือง (Flat Brass) ต่อมามีการทำ Hardware แบบที่สองที่เรียกว่า คลาสสิก (Pewter Classic Hardware) ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าแบบแรก ซึ่ง Hardware คลาสสิกนี้มาในโทนสีทองเหลืองโบราณ สไตล์วินเทจ นอกจากนี้ ยังมีการทำ Hardware คลาสสิกในโทนมีเงิน และโทนสีทองขึ้นมาใช้กับกระเป๋าในซีซั่นต่าง ๆ อีกด้วย
Hardware แบบที่ 3 คือ Giant 21 เป็นหมุดที่มีขนาดใหญ่ และมีลวดลายเป็นเส้นตารางตัดกันมีทั้งโทนสีเงิน ทอง และสีโรสโกลด์ ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2007 ซึ่งถูกยกเลิกการผลิตไปในปี ค.ศ. 2012 และในปีเดียวกัน Balenciaga ก็ได้ผลิต Hardware แบบที่ 4 เรียกว่า Giant 12 ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า Giant 21 โดยมีโทนสีเงิน สีทอง และสีโรสโกลด์
Hardware แบบที่ 5 Brogues เป็นสไตล์การตกแต่งที่เรียกว่า Broguing ซึ่ง Hardware นี้ถูกสร้างมาในปี ค.ศ. 2011 ต่อมา คือ Hardware แบบที่ 6 Metallic Edge โดยมีการใช้แผ่นโลหะตกแต่งกระเป๋าเพิ่มเติม มาพร้อมกับหมุดที่มีขนาดเล็ก ผิวเรียบ มันวาว และในปี ค.ศ. 2016 Balenciaga ก็ได้สร้าง Hardware ตกแต่งกระเป๋าแบบที่ 7 ขึ้นมา ซึ่งเรียกว่า Blackout เป็นการนำเอาหมุดโลหะออกจากกระเป๋า แล้วปล่อยให้เป็นรูพรุนแทนนั่นเอง
4. Zipper
ซิปที่ถูกใช้ในกระเป๋า Balenciaga นั้นจะเป็นซิปจากบริษัท Lampo โดยที่ตราโลโก้นั้นจะเป็นตัวเอียงประทับอยู่ด้านหลังของหัวซิป ต่อมาในการผลิตกระเป๋าที่ตกแต่งด้วย Hardware สีทองช่วงปี ค.ศ. 2010 บริเวณหัวซิปจะเรียบไม่มีตราสัญลักษณ์ใด ๆ ประทับอยู่ จากนั้นไม่นานในปี ค.ศ. 2014 ก็มีการนำซิปที่มีสัญลักษณ์ของ Lampo มาใช้อีกครั้งนึง ก่อนที่จะมาเป็นซิปในรูปแบบปัจจุบัน คือ มีการประทับตราตัวอักษร B ลงบนด้านหลังของหัวซิป
5. Material
หนังที่ Balenciaga นั้นเลือกนำมาใช้ผลิตกระเป๋าหลัก ๆ จะมี 3 ชนิดด้วยกัน คือ หนังแพะ (Goat Skin) เริ่มใช้กับกระเป๋าในยุคแรก ๆ และเคยหยุดใช้ไปตอนคอลเล็กชั่น Spring/Summer 2008 ก่อนจะนำกลับมาใช้อีกครั้งในปี ค.ศ. 2013 โดยจะใช้ในกระเป๋าที่เป็นรุ่น Limited Edition อย่างกระเป๋า Balenciaga Metallic Edge
หนังชนิดต่อมาที่ Balenciaga เลือกมาใช้ทำกระเป๋า คือ หนังแกะ (Lambskin) ที่มีคุณสมบัติที่อ่อนนุ่ม ทำให้หนังชนิดนี้ถูกนำมาใช้ทำกระเป๋ารุ่นเก่า ๆ ของ Balenciaga เป็นส่วนใหญ่ และหนังชนิดสุดท้ายที่แบรนด์เลือกมาใช้ทำกระเป๋านั่นก็คือ หนังลูกวัว (Calfskin) มีคุณสมบัติที่ทนทาน ทำให้ถูกนำมาใช้ผลิตกระเป๋าที่เป็นรุ่น Limited Edition อย่าง Papier และ Metallic Edge ร่วมถึงกระเป๋าที่เป็นคอลเล็กชั่นปัจจุบันก้ทำจากหนังชนิดนี้เช่นกัน
โดยทั่วไปการซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนมนั้นนิยมซื้อจากร้านค้า หรือชอปโดยตรง ดังนั้นก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมผ่านร้านค้าทางออนไลน์ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการดูกระเป๋าของแท้ให้มาก ๆ มันมีข้อควรปฏิบัติที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ คุณต้องตรวจสอบกระเป๋าทุกใบก่อนการซื้อขายในทุก ๆ ครั้ง
ต้องมีการตรวจสอบรายละเอียด องค์ประกอบของกระเป๋าที่บ่งชี้ว่ากระเป๋าใบนี้เป็นสินค้าของจริง ไม่ใช่ของลอกเลียนแบบ และเมื่อเราทราบรายละเอียดการเช็ค วิธีดู Balenciaga ของแท้ แล้วก็จะทำให้เราสามารถซื้อกระเป๋าได้อย่างมั่นใจมากขึ้น หมดกังวล และไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเงินไปกับสินค้าของปลอม
รัก
xoxo