BMW i7 เปิดผ้าคลุมเผยโฉมกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับรถยนต์หรูระดับแฟลกชิปโฉมใหม่ล่าสุดกับเจเนอเรชั่นที่ 7 ในตระกูล 7-Series ประเดิมด้วย 3 รหัส เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์สันดาปและปลั๊กอินไฮบริด และครั้งแรกกับขุมพลังไฟฟ้าล้วน ภายใต้รหัส i7 xDrive60 ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า มันจะเป็นรถไฟฟ้าระดับ Luxury-Sedan คันแรกของโลก เพื่อก้าวไปสู่ผู้นำตลาดรถ Sedan หรู KATEXOXO จะพาไปยลโฉมความหรูหราที่พรั่งพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคตนี้ไปพร้อมกัน
The Design of BMW i7
ดีไซน์ด้านหน้าของ BMW โฉมใหม่ ภายใต้รหัส G70 ถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้าย X7 LCI ซึ่งได้ทำการเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ กับดีไซน์ไฟหน้าแบบสองชั้น ซึ่งทางบีเอ็มกล่าวว่าถูกสงวนไว้สำหรับโมเดลรถยนต์ระดับหรูเท่านั้น ไฟส่องสว่างด้านบนแบบคริสตัล Iconic Glow พร้อมกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ ล้อมด้วยกรอบเรืองแสง เส้นสายด้านข้างเน้นความเหลี่ยมสันมากยิ่งขึ้น ไฟท้ายถูกออกแบบให้มีลักษณะแยกทั้งสองฝั่งออกจากกันแบบ LED lightbar แบบยาว
ไฟหน้าแบบสองขั้น ได้ถูกปรับใหม่เป็นแบบแยกส่วน ระหว่างเส้นไฟ DRL และไฟหน้า Adaptive LED ตัวถังรถแพลตฟอร์ม CLAR มิติตัวรถ ยาว x กว้าง x สูง เท่ากับ 5,391 x 1,950 x 1,544 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 3,215 มิลลิเมตร มือจับประตูแบบฝังเรียบไปกับตัวถัง ตกแต่งด้วยชิ้นส่วนโครเมี่ยมบริเวณเสา C-pillar อีกทั้งยังสามารถเลือกติดตั้งแพกเกจ M Sport ซึ่งมีทั้งล้อ M Sport ขนาด 20 และ 21 หรือการตกแต่ง Shadowline ซึ่งทำให้ภายนอกดูคมเข้ม เพิ่มความเป็นสปอร์ตมากขึ้น
สำหรับ 7-Series รุ่นใหม่นี้ จะมีให้เลือกเฉพาะตัวถังแบบฐานล้อยาวเท่านั้น (Long-wheelbase) เพื่อให้ผู้โดยสารด้านหลังได้รับความสะดวกสบายสูงสุด พร้อมช่วงล่างถุงลมไฟฟ้า Two-axle air suspension ที่มีระบบ Adaptive Suspension เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงระบบเลี้ยวล้อหลัง Integral Active Steering และระบบช่วยลดอาการโคลงของตัวรถแบบแอคทีฟอีกด้วย
The Engine
7-series มาพร้อมกับเวอร์ชั่นเครื่องยนต์สันดาป เบนซิน ดีเซล ทั้งรุ่น 6 สูบและรุ่น V8 ที่ทรงพลังกว่า รวมถึงขุมพลังไฟฟ้า 100% แบบ Plug-in Hybrid โดยเริ่มจากรุ่น ฺBMW i7 740i ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ พร้อมระบบ mild-hybrid ขนาด 48 โวลต์ ให้กำลังสูงสุด 380 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 540 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ภายใน 5 วินาที
อีกรุ่นที่เหนือกว่ากับ ฺBMW i7 760i xDrive มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จ พร้อมระบบ mild-hybrid ขนาด 48 โวลต์ ให้กำลังสูงสุด 543 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร
สำหรับรุ่น Plug-in Hybrid กับ i7 xDrive60 ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 4.2 วินาที และชุดแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 101.7 kWh ซึ่งสามารถขับขี่เป็นระยะทางสูงสุดได้ 625 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยทั้งสองรุ่นใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดแบบเดียวกับที่พบในรุ่นอื่น ๆ ของรถยนต์ในค่ายเดียวกัน
สำหรับตัวแบตเตอรี่นั้น รองรับการชาร์จ หัวแบบ Type 2 / CCS Combo กระแสสลับ AC สูงสุด 11 kW / กระแสตรง onboard charger ใช้เวลาชาร์จจาก 10%-100% ที่ 9 ชั่วโมง 30 นาที DC Fast Charging สูงสุด 195 kW หรือ จาก 10-80% ใช้เวลาเพียง 34 นาที หรือ ชาร์จ 10 นาที วิ่งได้ไกล 170 km. (มาตรฐาน WLTP)
สำหรับในส่วนของระบบความปลอดภัย รถยนต์รุ่นใหม่ทุกคันได้รับการติดตั้งระบบความช่วยเหลือระดับ “2 พลัส” เป็นครั้งแรก โดยมีการอัพเกรดกล้องช่วยขับ Mobileye ความละเอียด 8MP ในอนาคต จะมีการอัปเกรดผ่านซอฟต์แวร์ OTA เพื่อแนะนำระบบช่วยเหลือในการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3
การออกแบบภายใน
ภายในห้องโดยสาร เสริมความล้ำสมัยด้วยระบบ BMW Live Cockpit Plus และระบบ BMW iDrive ที่ทำงานคู่กับระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 เวอร์ชันล่าสุด รองรับการเชื่อมต่อระบบ 5G และ Personal eSIM สามารถแสดงคอนเทนท์ออนไลน์จาก YouTube ได้
หน้าปัดเรือนไมล์ทรงโค้ง BMW Curved Display ขนาด 12.3 นิ้ว ที่เชื่อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่และจออินโฟเทนเมนท์เข้าไว้ด้วยกัน เสริมด้วย BMW Interaction Bar ที่สามารถใช้เป็นไฟเรืองแสง ambient lighting ภายในห้องโดยสารและช่องแอร์ที่ถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน
ความหรูหราที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ใหม่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย D-Shape แบบ 2 ก้าน เบาะโดยสารหุ้มด้วยหนัง ไฟ LED ตกแต่งภายในห้องโดยสาร ambient lighting ซึ่งสามารถปรับแต่งได้ หลังคา Sky Lounge panoramic glass roof ตกแต่งด้วยไฟ LED แบบเส้นใย
ห้องโดยสารด้านหลัง ติดตั้งหน้าจอขนาดเล็กขนาด 5.5 นิ้ว บริเวณประตูคู่หลัง เบาะหลังแบบ Exclusive lounge เพิ่มที่รองต้นขาขนาดใหญ่ไร้รอยต่อกับเบาะรองนั่ง ที่มาพร้อมเบาะนั่งหุ้มหนัง Merino สลับ Cashmere Wool และฟังก์ชันเอนเบาะที่ได้รับการปรับปรุงเป็นพิเศษ พร้อมหน้าจอ Theater Screen ขนาด 31.3 นิ้ว รองรับความละเอียดระดับ 8K แสดงผลแบบ 32:9 รองรับการสั่งงานผ่านหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว บริเวณแผงประตูได้อย่างสะดวกสบาย
สำหรับหน้าจอ Theater Screen เป็นอุปกรณ์เสริม บนหลังคา เมื่อผู้โดยสารเปิดใช้งาน Theater Mode เบาะนั่งด้านหลังจะเปลี่ยนเป็นโรงภาพยนตร์ส่วนตัว ด้วยหน้าจอความละเอียด 4K ที่ติดตั้ง Amazon Fire จะถูกลดระดับลง ม่านบังแดดจะปรับตำแหน่งสูงขึ้น เบาะจะปรับมุมที่นั่งและปรับแสงภายในรถ เพื่อช่วยมอบประสบการณ์ภาพยนตร์ขณะเดินทาง ซึ่งเบาะหลังสามารถปรับเอนได้ถึง 42.5 องศา และ ระบบเสียงพรีเมียม Bowers & Wilkins Diamond Surround Sound 1,965 watts ลำโพง 36 ตัว
นอกจากความพิเศษและหรูหราทั้งหมดที่ได้ทำการเปิดตัวไปของ ฺBMW i7 ทาง ค่ายใบพัดสีฟ้า ยังเตรียมตัวที่จะเปิดตัวรถยนต์ในเวอร์ชั่น M Performance ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเปิดตัวในปีหน้า คือรุ่น 760e xDrive ที่มาพร้อมกับขุมพลัง PHEV เครื่องยนต์ขนาด 6 สูบ 3.0 ลิตร พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 571 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 4.3 วินาที และชุดแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 18.7 kWh สามารถวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วน ๆ 84 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
และอีกหนึ่งรุ่น ในเวอร์ชั่น M Performance ที่คาดการณ์ว่าจะทำการเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ คือรุ่น i7 M70 xDrive โมเดลระดับแฟลกชิปในตระกูล BMW M มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้พละกำลังสูงสุด 660 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,100 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 4 วินาที ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ถือว่าเป็นรถโปรดักชั่นสำหรับใช้งานบนท้องถนนที่มีพละกำลังมากที่สุดของ BMW
BMW 7-Series ล็อตแรกจะถูกจัดส่งในเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 นี้ โดยรุ่นเริ่มต้นอย่าง 740i มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 94,295 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.2 ล้านบาท ในขณะที่รุ่น 760i xDrive มีราคาอยู่ที่ 114,995 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.9 ล้านบาท และ i7 xDrive60 มีราคาอยู่ที่ 120,295 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4.07 ล้านบาท (ไม่รวมภาษี)
รัก
xoxo