To top
9 Sep

Hermes ของแท้ – วิธีตรวจสอบกระเป๋าแท้ฉบับกูรู

Hermes ของแท้ แบรนด์ที่มีประวัติยาวนาน มากว่า 182 ปี (ประวัติแบรนด์ Hermes) เครื่องหมายแสดงถึงความหรูหราและสง่างาม ความนิยมของกระเป๋า Hermes ในปัจจุบันส่งผลให้ตลาดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เติบโตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อันที่จริงแล้วจากการศึกษาพบว่า 90% ของกระเป๋า Hermes รุ่น Birkin และ Kelly ที่ลงจำหน่ายในโลกออนไลน์เป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์แทบทั้งสิ้น นับว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างมากสำหรับสาวๆ ที่ใฝ่ฝันอยากจะได้กระเป๋าหรูแบรนด์นี้สักใบมาไว้ในครอบครอง

ปัญหาอื่นที่เกิดขึ้นตามมา คือ สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านั้น เพิ่มต้นทุนการผลิตรวมถึงมีความประณีตมากขึ้น ตลาดค้าส่งของปลอมเติบโตเป็นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้การจำแนกระหว่างกระเป๋า Hermes ของแท้กับของปลอมเป็นไปด้วยความยากลำบากมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ของปลอมก็ยังเป็นของปลอมวันยังค่ำ จะต้องมีจุดอ่อนที่ของปลอมไม่มีวันทำได้เหมือนของแท้แน่นอน เพียงแต่ต้องรู้วิธีการตรวจสอบอย่างไรเท่านั้น

นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมการศึกษาข้อมูลกระเป๋าจึงสำคัญ ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ ในการสังเกตกระเป๋าของแท้มาไว้ในที่นี้ เพื่อเป็นคู่มือพิเศษช่วยสาวๆ ได้ทำการสังเกตกระเป๋า Hermes ตั้งแต่จุดที่เล็กที่สุดของกระเป๋าไปจนถึงจุดสำคัญๆ หลีกเลี่ยงความผิดหวังที่เกิดจากการซื้อขาย เสียเงินหลักแสน แต่ได้กระเป๋าปลอมกลับมา เราจะทราบได้อย่างไรว่า กระเป๋า Hermes ที่เราเป็นเจ้าของหรือหมายปองอยู่เป็นของแท้หรือของปลอม เบื้องต้นดูจากอะไรบ้างนั้น เราจะพาคุณไปเจาะลึกรายละเอียดพร้อมกันค่ะ

 

1. Logo

โลโก้ คือ ตราประทับบนกระเป๋าที่เขียนว่า “Hermès Paris Made in France” โดยแบบอักษรที่ละเอียดอ่อน ประณีตและชัดเจน ไม่ฝังแน่นลงในชั้นหนัง โลโก้จะต้องอยู่กึ่งกลางอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ ตัวอักษรไม่มีการโค้งงอ บิดเบี้ยว หรือสีจาง ที่สำคัญขนาดโลโก้จะต้องพอดีกับขนาดของกระเป่า

การประทับตราลงบนกระเป๋าจะใช้วิธีการที่เรียกว่า “Heat Stamping” คือการปั๊มตัวอักษรลงไปบนหนังด้วยความร้อน กระเป๋าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ส่วนมากจะทำการปริ้นท์หรือกดตราประทับลงบนกระเป๋าค่อนข้างลึก จนหนังมีรอยบุ๋มลงไป รวมทั้งตัวอักษรที่ไม่ค่อยมีระเบียบ ขาดความคมชัด ตำแหน่งของตราประทับของกระเป๋าแท้ ควรอยู่ด้านล่างของฝีเย็บของกระเป๋า และไม่ควรห่างออกไปมากนัก

ตัวอักษรบนตราประทับของ Hermes ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยลักษณะของ Front จะค่อนข้างบางลง ฉะนั้นไม่ต้องตกใจหากกระเป๋าที่ถืออยู่ในปัจจุบันจะมีขนาดตัวอักษรที่แตกต่างไปจากกระเป๋ารุ่นเก่าๆ ที่เคยมีมา

ตราประทับบนกระเป๋า

ตราประทับบนกระเป๋า

กระเป๋า Hermes ของแท้นั้น มีสัญลักษณ์มากมาย กระเป๋าบางใบที่ทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับผู้มีอุปการะคุณอันดีกับแบรนด์ จะมีสัญลักษณ์เป็นรูปดาว หรือกระเป๋าที่ผลิตโดยออเดอร์พิเศษบางรุ่นของ Hermes จะมีการประทับตรารูปเกือกม้า ข้างๆ โลโก้ของแบรนด์ ตัวประทับอาจเป็นสีทอง สีเงิน หรือปั๊มลงไปบนหนัง ในกรณีที่เป็นสีเมทัลลิก สีของตัวปั๊มจะต้องเป็นสีเดียวกับอะไหล่ของกระเป๋า

The Hermes Horseshoe

The Hermes Horseshoe : ตราประทับรูปเกือกม้าบนกระเป๋าสั่งทำพิเศษ

 

2. Materials

วัสดุหนังที่ใช้ผลิตกระเป๋า มีตั้งแต่หนังธรรมดาจนถึงหนังแบบพิเศษที่ราคาแพง ซึ่งมาจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งออสเตรเลีย สิงคโปร์ และแอฟริกา วัสดุหนังเหล่านี้ Hermes เลือกใช้แต่คุณภาพที่สูงสุดเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หนังจระเข้จะมาจากจระเข้ที่ถูกเลี้ยงในบ่อหินอ่อน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หนังจรเข้ที่เรียบเนียน ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ที่สำคัญ ยังถูกแยกเลี้ยงบ่อละตัวเพื่อป้องกันการต่อสู้กันระหว่างจระเข้อีกด้วย โดยหนังจระเข้นั้นจะต้องผ่านกระบวนการทำให้แห้งนานถึง 1 ทศวรรษก่อนนำไปใช้งาน

หนังของ Hermes มีตั้งแต่หนังวัว (Barenia Natural , Box Calf), หนังควาย (Buffalo), หนังนกกระจอกเทศ (Ostrish), หนังลูกวัวเพศผู้ (Clemence), หนังตะกวดแถบแอฟริกัน (Lizard), หนังกลับ (Doblis Suede) , หนังจระเข้ที่ถูกเลี้ยงในฟลอริด้า (Matte Alligator) , ซิมบับเว (Matro Niloticus Crocodile) หรือ ออสเตรเลีย (Matro Porosus)

photo credit – www.invaluable.com

 

หนังวัวที่นำมาใช้ เป็นหนังวัวแบบพิเศษ ซึ่งเลี้ยงในพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยหญ้า น้ำ และอาหาร โดยมีที่มาจาก 3 ประเทศ คือ เยอรมนีตอนเหนือ รัสเซีย และโปแลนด์ จึงทำให้วัวที่เลี้ยงมีขนที่อ่อนนุ่มตลอดทั้งตัว เมื่อนำมาฟอกจะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ซึ่งแตกต่างจากกระเป๋าหนังวัวแบบอื่น

หนังที่ได้รับความนิยมที่สุดคือหนัง Epsom เป็นหนังแสตมป์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติเมื่อขึ้นทรงกระเป๋าจะตั้งเป็นทรงแข็งแรง แต่มีน้ำหนักเบาทนทาน ดูแลรักษาง่าย อีกชนิดที่นิยมคือและหนัง Togo เป็นหนังลูกวัวเพศเมีย ที่รู้จักกันดีเพราะเป็นหนังยอดนิยมสำหรับกระเป๋ารุ่น Birkins ด้วยกรรมวิธีการผลิตหนังที่ละเอียดอ่อนและพิถีพิถัน กลิ่นหนังของกระเป๋า Hermes ทุกใบจึงมีกลิ่นหอมของหนังที่มีเอกลักษณ์ตามวัสดุหนังที่ใช้ผลิตกระเป๋า ที่สำคัญไม่ควรมีที่กลิ่นที่ผิดเพี้ยนหรือมีกลิ่นของพลาสติก

สำหรับหนัง Clemence หรือหนังลูกวัวเพศผู้นั้น ปรากฏใช้เป็นวัสดุในการผลิตกระเป๋า Hermes มาตั้งแต่ ค.ศ. 1980 เป็นหนึ่งในประเภทหนังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยลักษณะเนื้อเรียบเนียน ไม่แข็งตึง มีความทนทานและเป็นรอยยาก แต่มีข้อเสียคือจะพองตัวเมื่อโดนน้ำ จึงควรดูแลเป็นพิเศษไม่ให้กระเป๋าสัมผัสกับน้ำโดยตรง

Togo หนังลูกวัวเพศเมีย , Clemence หนังลูกวัวเพศผู้

Togo หนังลูกวัวเพศเมีย , Clemence หนังลูกวัวเพศผู้

 

3. Stitching

กระเป๋าทุกใบของ Hermes ได้รับการตัดเย็บด้วยมือจากช่างฝีมือ ที่ต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างน้อย 3 ปี ก่อนจะได้รับอนุญาตให้ผลิตกระเป๋า ซึ่งกระเป๋าแต่ละใบ ใช้เวลาในการผลิต 16-20 ชั่วโมง (แล้วแต่รุ่น) เฉลี่ยแล้วช่าง 1 คน จะสามารถเย็บกระเป๋าได้อาทิตย์ละ 3 ใบเท่านั้น รวมถึงช่างจะรับผิดชอบในเรื่องของการซ่อมแซมกระเป๋าใบนั้นๆ ด้วย ตลอดอายุการใช้งาน

หากคุณคาดหวังว่ากระเป๋าสุดหรูอย่าง Hermes จะต้องมีฝีเข็มและตะเข็บที่สมบูรณ์แบบ นั่นอาจไม่ถูกต้องเสมอไป ด้วยฝีมือการตัดเย็บด้วยมือ ไม่อาศัยเครื่องจักร แม้จะดูเหมือน Perfect ไปซะหมด แต่ก็ยังคงปรากฏ Sign ของความไม่เนี๊ยบบางอย่าง แต่นั่นถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะการพบเห็นฝีเย็บที่เรียบร้อยเกินไป อาจสันนิษฐานได้ว่าเป็นผลงานที่เกิดจากเครื่องจักรมากกว่าฝีมือมนุษย์

การตัดเย็บที่ได้รับการสืบทอดมาจากตระกูลผลิตอานม้า คือการเย็บตะเข็บคู่ตามขอบมุมทั้งหมด ฝีเย็บที่ได้จึงแน่นและทนทาน แม้จะทำการเย็บด้วยมือ แต่จะต้องไม่มีฝีเย็บที่ออกนอกแถวหรือมีตะเข็บที่บิดเบี้ยว ในการตรวจสอบอาจทำได้โดยการเอานิ้วไล่สัมผัสตามรอยตะเข็บ รอยฝีเข็มจะต้องราบเรียบ ละมุน ไม่มีนูนหรือร่องรอยสะดุด

การตัดเย็บด้านในของกระเป๋า ก็ทำด้วยความพิถีพิถันเช่นเดียวกับการตัดเย็บภายนอก ด้วยวัสดุที่มีคุณภาพสูงสุด จะไม่มีด้ายที่หลุดลุ่ยปรากฏให้เห็น ทุกฝีเข็มมีความปราณีต ฝีเย็บจะบอกได้ว่า เป็นฝีมือการเย็บที่เกิดจากมือหรือเครื่องจักร และนี่คือรายละเอียดปลีกย่อยที่สำคัญที่จะปรากฏอยู่ในกระเป๋า Hermes ของแท้เท่านั้น

hermés Stitching

ฝีเย็บด้านนอกของกระเป๋า

 

4. Hardwear

อะไหล่ของกระเป๋า Hermes ของแท้ ทำจากโลหะคุณภาพสูง จึงทำให้มีน้ำหนักมากกว่ากระเป๋าที่ใช้อะไหล่เกรด Premium ทั่วไป เมื่อสัมผัสดูจะรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง การใช้โลหะที่มีคุณภาพนั่นหมายความว่า อะไหล่ของ Hermes จะไม่มีวันลอก แต่อาจเกิดร่องรอยเล็กน้อยจากการใช้งานเมื่อกาลเวลาผ่านไป โดยโลหะที่นิยมนำมาใช้ มีตั้งแต่ โลหะชุบทองคำ 24K , อะไหล่ที่ทำจากแพลเลเดียมสีเงินและสีทอง (Palladium) ไปจนถึง อะไหล่จะทำจากรูทีเนียมขัดเงา (Ruthenium)

สำหรับกระเป๋ารุ่น Birkin หรือ Kelly อะไหล่บนสายรัดด้านหน้าที่สำหรับใส่ตัวล็อคจะถูกสลักคำว่า “Hermès-Paris” ตัวอักษรต้องเรียบร้อย สวยงาม คมชัด และเว้นระยะเท่ากัน อยู่ตำแหน่งใต้ช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ใช้สำหรับล็อค อะไหล่เคลือบทองจะมีจุดเด่นคือ ตรา Hallmark ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายของตราสลัก “Hermès-Paris” ซึ่งอะไหล่อื่นที่ไม่ใช่สีทอง จะไม่มีตราสัญลักษณ์นี้

อะไหล่ Palladium สีทอง บนกระเป๋า Hermes Kelly

อะไหล่ Palladium สีทอง บนกระเป๋า Hermes Kelly

นอกจากนั้นยังมี Hardwear แบบพิเศษ สำหรับกระเป๋าที่ถูกสั่งทำขึ้นตามออเดอร์ของลูกค้า อันได้แก่ Black / Ruthenium Hardware ซึ่งออกแบบโดย Jean Paul Gaultier ในปี ค.ศ. 2010 , Brushed Gold Hardware ซึ่งสีทองจะค่อนข้างคล้ำกว่าอะไหล่ทองในรุ่นปกติ , Rose Gold สีชมพูอมทองยอดฮิต และ Diamond Hardware การผสมผสานที่ลงตัวของการออกแบบระหว่างเพชรกับทองคำขาว

อะไหล่ Rose Gold บนกระเป๋า Birkin 35

อะไหล่ Rose Gold บนกระเป๋า Birkin 35

 

5. Zipper

ตัวซิปด้านในของกระเป๋า หัวซิปจะต้องสลักคำว่า “HERMÈS” ตัวอักษรชัดเจน ตัวจบปลายสุดของซิปจะเป็นอะไหล่รูปตัว “H” เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ อย่างไรก็ตามในรุ่นเก่าๆ ของ Hermes อาจพบว่าอะไหล่ปลายสุดของซิปจะเป็นรูปสี่เหลี่ยม การเปิดปิดของซิปจะต้องลื่นไหล ไม่ติดขัด โลหะที่ใช้ทำซิปจะมีลักษณะเป็นผิวด้านมากกว่ามันวาว ตัวซิปควรอยู่คู่ขนานกับแนวซิปตลอดเวลา หากซิปค้างที่มุม 90 องศาจากเส้นซิปหรือว่าล้มลง อาจสันนิษฐานได้ว่าเป็นของปลอม

Hermes Zipper

Hermes Zipper

 

6. Padlock and Key

กระเป๋า Birkin และ Kelly จะมาพร้อมกุญแจล็อคและกุญแจด้านหน้า กุญแจต้องมีการสลักตัวอักษร Hermès ที่ด้านล่างเช่นเดียวกันกับอะไหล่อื่นๆ ในกระเป๋า หมายเลขบนตัวล็อคจะต้องสอดคล้องกับหมายเลขที่สลักอยู่บนกุญแจที่แนบมา (สำหรับตัวล็อคที่ผลิตก่อนปี 2000 จะไม่มีรหัส) ที่สำคัญควรเก็บอย่างเรียบร้อยภายในซองแผ่นหนังสำหรับใส่กุญแจที่เรียกว่า “Clochette” ซึ่งติดอยู่กับสายหนังเช่นเดียวกันกับกุญแจ และจะถูกปกปิดอย่างเรียบร้อยเมื่อไม่ได้ใช้งาน

สำหรับของปลอม กุญแจนั้นจะยื่นออกมา ซองแผ่นหนังไม่สามารถครอบคลุมกุญแจได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ Clochette ที่มากับกระเป๋า Hermes ของแท้ ควรทำจากหนังหนึ่งชิ้นพับครึ่งแล้วเย็บ ไม่ใช่การนำหนังสองชิ้นมาประกบกันแล้วเย็บ และต้องเป็นหนังสีเดียวกันกับกระเป๋า

Clochette ใส่แม่กุญแจและลูก

Clochette ใส่แม่กุญแจและลูก

7. Date Stamp

สำหรับตราประทับซึ่งแสดงถึงปีที่ผลิตของกระเป๋า จะปรากฏในรูปแบบของตัวอักษรภาษาอังกฤษ ที่มาพร้อมกับสัญลักษณ์วงกลม, สี่เหลี่ยมล้อมรอบตัวอักษรหรือมีแค่ตัวอักษรเดี่ยวๆ ขึ้นอยู่กับปีของกระเป๋า Hermes แต่ละใบ ซึ่งจะไม่ซ้ำกัน ตราประทับอาจจะมี ID ของช่างฝีมือ และตัวบ่งชี้ของวัสดุหนังพิเศษๆ คุณสามารถค้นหาตราประทับได้จากสายรัดฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ทางด้านหน้าของกระเป๋า หรือภายในกระเป๋าทางด้านขวามือ (ในกระเป๋ารุ่นที่ใหม่กว่าแล้วแต่รุ่น) ตราประทับในกระเป๋า Hermes การประทับจะลึกพอดี ในขณะที่ของปลอมจะประทับลึกมากลงในหนัง และการตัดแต่งขอบหนังจะไม่เรียบร้อยเท่ากระเป๋าของแท้

"<yoastmark

สำหรับ Craftsman Stamp (Hermès Craftsman’s Code) เป็นการบันทึกรหัสของช่างฝีมือแต่ละคน หรือกลุ่มของช่างฝีมือที่ผลิตชิ้นงาน โดยมีการระบุด้วยรูปทรงสัญลักษณ์ตัวอักษรและตัวเลขที่หลากหลาย เมื่อกระเป๋าถูกส่งไปยังปารีสเพื่อการซ่อมแซม Hermes จะสามารถระบุช่างฝีมือที่เป็นคนตัดเย็บกระเป๋าใบนั้น และทำการซ่อมแซมได้ทันที

O ในสี่เหลี่ยมคือกระเป๋าผลิตเมื่อปี 2011 ตัว J คือรหัสของช่างฝีมือ

O ในสี่เหลี่ยมคือกระเป๋าผลิตเมื่อปี 2011 ตัว J คือรหัสของช่างฝีมือ

 

Hermes Date Stamp นั้น แบ่งออกเป็น 5 ยุคด้วยกัน

ยุคแรก เป็นยุคที่เริ่มต้นในการผลิตเครื่องหนัง ในปี ค.ศ. 1922 จนถึง ปี ค.ศ. 1944 เครื่องหนังที่ถูกผลิตในช่วงยุคนั้นจะไม่มีตราประทับ เนื่องจากยังไม่มีระบบตีตราสัญลักษณ์

ยุคที่ 2 เริ่มต้นเมื่อปี ค.ศ. 1945 – ปี ค.ศ. 1970 เป็นยุคเริ่มต้นของการใช้ระบบตราประทับที่เรียกว่า “Blind Stamp” โดยปรากฏในรูปแบบของตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเดียว ไม่มีสัญลักษณ์ใดๆ ล้อมรอบ

ตราประทับ M คือกระเป๋าที่ผลิตเมื่อปี ค.ศ. 1957

ตราประทับ M คือกระเป๋าที่ผลิตเมื่อปี ค.ศ. 1957

ยุคที่ 3 เป็นยุคที่เริ่มมีการใช้สัญลักษณ์เข้ามาร่วมกับตัวอักษร โดยยุคนี้จะเป็นสัญลักษณ์ “วงกลม” ล้อมรอบตัวอักษรที่ใช้แทนปีที่ผลิต ใข้ระบุกระเป๋าที่ผลิตระหว่างปี ค.ศ.1971 – ปี ค.ศ. 1996

ตราประทับ U มีวงกลมล้อมรอบ ปี ค.ศ. 1991

ตราประทับ U มีวงกลมล้อมรอบ ปี ค.ศ. 1991

ยุคที่ 4 ยุคนี้ จะใช้สัญลักษณ์รูป “สี่เหลี่ยม” ล้อมรอบตัวอักษรที่ใช้แทนปีที่ผลิต เพื่อระบุกระเป๋าที่ผลิตระหว่างปี ค.ศ. 1997 – ปี ค.ศ. 2014

ตราประทับ F มีสี่เหลี่ยมล้อมรอบ ค.ศ. 2002

ตราประทับ F มีสี่เหลี่ยมล้อมรอบ ค.ศ. 2002

 

ยุคที่ 5 คือ ยุคปัจจุบัน สำหรับตราประทับยุคนี้ คุณต้องลบภาพตราประทับของทั้ง 3 ยุคที่ผ่านมาให้หมด เพราะตั้งแต่ ปี ค.ศ. 2015 เป็นต้นมา Hermes ได้จัดระบบ Blind Stamp ขึ้นมาใหม่เพื่อความสะดวกมากขึ้น กระเป๋าที่ถูกผลิตในช่วงนี้จะมีโครงสร้าง “L LL NNN LL” (ตัว L แทนคำว่า Letter คือตัวอักษร ส่วนตัว N แทนคำว่า Number คือตัวเลข)

โดยตัวอักษรตัวแรก หมายถึงปีที่ผลิต ตามด้วยอักษรและตัวเลขเป็นตัวแทนรหัสของช่างผู้ผลิตกระเป๋า เหมือนดั่งย้อนกลับไปในยุคเริ่มแรกที่มีการกำหนดตราประทับ Date Stamp ในยุคนี้จะไม่มีสัญลักษณ์ล้อมรอบตัวอักษร

สำหรับกระเป๋าที่ผลิตจากหนังพิเศษ และหนังหายาก จะมีสัญลักษณ์พิเศษประทับอยู่ข้างๆกับ Heat Stamp “Hermès Paris Made in France” ด้านหน้าของกระเป๋า โดยมีสัญลักษณ์ดังต่อไปนี้

  • สัญลักษณ์รูป (☐) จะปรากฏบนกระเป๋าที่ทำจากหนังจระเข้ (alligator)

  • สัญลักษณ์ (..) ปรากฏบนกระเป๋าที่ทำจากหนังของจระเข้ ที่ถูกเลี้ยงที่ ซิมบับเว (Matro Niloticus Crocodile)

  • สัญลักษณ์ (^) ปรากฏบนกระเป๋าที่ทำจากหนังจระเข้ที่ถูกเลี้ยงที่ออสเตรเลีย (Matro Porosus)

  • สัญลักษณ์ (–) จะปรากฏบนกระเป๋าที่ทำจากหนังตะกวดแถบแอฟริกัน (Lizard)

 

ตารางแสดงสัญลักษณ์

 

8. Dust Bag

สีของถุงกันฝุ่นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปี สำหรับถุงกันฝุ่นรุ่นแรกๆ จะทำจากผ้ากำมะหยี่ สีแทน รุ่นถัดมาจะทำจากผ้าสักหลาดสีส้ม และมาถึงถุงกันฝุ่นรุ่นปัจจุบัน ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2007 ทำจากผ้าคอตตอนสีเบจและน้ำตาลอ่อน มีสัญลักษณ์ของ Hermes คือรถลากม้าอยู่บนตราชั่งวงกลม ภายในมีตัวอักษร H ขนาดใหญ่มีสีน้ำตาลเข้ม ล้อมรอบด้วยวงกลม 2 ชั้น (หากเป็นวงกลมชั้นเดียวคือถุงผ้าปลอม) ในรุ่นที่เป็นถุงหูรูด เชือกก็จะเป็นสีน้ำตาลเข้มเช่นกัน

ถุงผ้า Hermes ทั้ง 3 รุ่น

ถุงผ้า Hermes ทั้ง 3 รุ่น

 

จุดสังเกตอื่นๆ

  • ข้อที่ต้องทราบคือ Hermes ไม่มีการออกบัตร Authenticity Card มาพร้อมกระเป๋า มันไม่เคยเกิดขึ้นและไม่มีทางเกิดขึ้น หากพบว่ากระเป๋าที่ซื้อมา มาพร้อมกับบัตรแข็งหรือบัตรกระดาษสีส้มตีตรา Hermes แล้วล่ะก็ ฟันธงได้เลยว่าเป็นกระเป๋าละเมิดลิขสิทธิ์อย่างแน่นอน
  • ตรวจสอบทุกรายละเอียด หากพบความผิดปกติแม้แต่หนึ่งในรายละเอียดที่กล่าวมาข้างต้น โปรดไว้ใจสัญชาตญาณของคุณ สังเกตจากรายละเอียดที่เล็กที่สุด เช่น คุณภาพของการเย็บ น้ำหนักของซิป ตราประทับโลโก้ หรือราคาที่ดูดีเกินกว่าจะเป็นจริง เป็นต้น อย่างไรก็ตามควรศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษามืออาชีพที่เชื่อถือได้
  • สามารถนำกระเป๋าที่ต้องสงสัยไปยังบูทิคของ Hermes เพื่อใช้บริการตรวจสอบความน่าเชื่อถือ หากคุณมีกระเป๋า Hermes และคุณไม่แน่ใจว่าเป็นกระเป๋าของแท้หรือไม่ ให้นำไปที่บูทิคของ Hermes เสนอว่าต้องการซ่อม ถ้าเป็นของปลอม ทาง Hermes จะปฏิเสธการซ่อมแซมทันที
อย่างไรก็ตาม หากต้องการที่จะซื้อกระเป๋า Hermes ผ่านทางเว๊ปไซต์ ก็ต้องทำใจยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งตามรายงานในปี ค.ศ. 2012 ทาง Hermes ได้ทำการยื่นฟ้องในหลายๆเว๊ปไซต์ที่ทำการซื้อขายของละเมิดลิขสิทธิ์ เรียกร้องค่าเสียหายเป็นมูลค่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในปีเดียวกัน ทางตำรวจของฝรั่งเศสได้ทำการจับกุมขบวนการปลอมแปลงข้ามชาติ ซึ่งในนั้น มีพนักงานของ Hermes จำนวน 2 คนรวมอยู่ด้วย และคาดว่ายังมีพนักงานจำนวนหนึ่งที่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ปัจจุบัน กระเป๋า Hermes ของปลอมมีความละเอียดเกือบเทียบเท่าของจริง ทำให้การตรวจสอบกระเป๋าของแท้และปลอมเป็นไปด้วยความยากลำบากมากขึ้น

ฉะนั้นควรซื้อกระเป๋าจากตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้เสมอ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการรับประกันว่าคุณจะซื้อกระเป๋า Hermes ของแท้ หรือจากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ ซึ่งต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องอย่างพิถีพิถันสำหรับกระเป๋าแต่ละใบก่อนที่จะถูกส่งไปยังผู้ซื้อ หากคุณตัดสินใจซื้อจากบุคคลทั่วไปผ่านเว็บไซต์ประมูล ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เราไม่แนะนำให้ซื้อหากไม่มีการรับรองตัวกระเป๋าอย่างถูกต้องโดยมืออาชีพ

รัก
xoxo

 

KATE