วิธีดู Chanel ของแท้ – การพัฒนาของอุตสาหกรรมการผลิตกระเป๋าละเมิดลิขสิทธิ์ มีการพัฒนาอย่างมากในหลายปีที่ผ่านมา เป็นเสมือนตลาดมืดของสินค้าแบรนด์เนม ที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด การสังเกตและแยกแยะกระเป๋าแท้กับปลอมนั้น จึงถือว่าเป็นศาสตร์และศิลป์อย่างหนึ่งที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนอย่างมากในการวิเคราะห์
ทั้งการพิสูจน์กลิ่น วัสดุที่ใช้ ความยืดหยุ่นของกระเป๋า การเย็บ ซึ่งปัจจุบันถือได้ว่า กระเป๋าแบรนด์ชาแนลเป็นกระเป๋าที่ถูกพบว่ามีการปลอมแปลงมากที่สุดแบรนด์หนึ่ง วันนี้เรามีจุดสังเกตง่าย ๆ สำหรับตรวจสอบกระเป๋า Chanel ของแท้ ให้ผู้อ่านได้ลองสังเกตเบื้องต้นด้วยตัวเองกันค่ะ
1. Check the Serial Numbers/Date Codes
การตรวจสอบ Serial Number หรือรหัส Date Code ที่เป็นตัวเลขบ่งบอกถึงปีที่ทำการผลิตกระเป๋าใบนั้น ๆ ซึ่งกระเป๋า Chanel ทุกใบ จะมาพร้อมกับ Authenticity Card ที่ระบุเลข Serial Number ที่ตรงกับ Hologram Sticker ภายในกระเป๋า โดยสติ๊กเกอร์ดังกล่าว อาจถูกติดไว้ในช่องด้านในของกระเป๋า หรืออาจติดอยู่บนแผ่นหนังเล็ก ๆ ซึ่งเย็บติดกับตัวกระเป๋าด้านในก็ได้
ข้อควรระวัง : ถึงแม้ว่า กระเป๋าจะมากับ Authenticity Card ก็ยังไม่อาจยืนยันได้ 100% ว่ากระเป๋าใบนั้น เป็นของแท้หรือไม่ ซึ่งปัจจุบัน บริษัทละเมิดลิขสิทธิ์ก็สามารถทำออกมาได้เหมือนของแท้เป็นอย่างมาก จึงต้องพิจารณาจากหลายองค์ประกอบรวมกัน
หมายเลขกระเป๋าของ Chanel แต่ละใบจะแตกต่างกันไป ตามปีที่ทำการผลิตกระเป๋า ตรวจสอบหมายเลขกระเป๋าของคุณได้จาก ตาราง Serial Number ด้านล่างนี้ เพื่อตรวจสอบข้อมูลว่า กระเป๋าของคุณ ถูกผลิตขึ้นเมื่อใด
ปีที่ผลิต แบ่งกลุ่มออกเป็นตามจำนวนของตัวเลขบนหมายเลข Serial Number และตัวเลขตัวแรกของ Serial Number นั้น ๆ หากกระเป๋าของคุณมีจำนวนตัวเลข 8 หลัก นั่นหมายความว่า กระเป๋าของคุณถูกผลิตตั้งแต่ปลายปี ค.ศ. 2005 ถึง ปัจจุบัน สำหรับ Serial Number จำนวน 8 หลักนี้ เราใช้ตัวเลข 2 ตัวหน้าเป็นตัวกำหนด ยกตัวอย่างเช่น รหัส 24XXXXXX หมายถึงกระเป๋าที่ผลิตช่วงปลายปี ค.ศ. 2017 ถึงต้นปี ค.ศ. 2018
หากกระเป๋าของคุณ มีหมายเลขเป็นจำนวน 7 หลัก ให้ดูตัวเลขแรกเป็นตัวกำหนด ยกตัวอย่างเช่น 6XXXXXX หมายถึง กระเป๋าที่ผลิตขึ้นในช่วง ปี ค.ศ. 2000 ถึง ค.ศ. 2002 ซึ่งถ้าหากตัวเลขที่คุณพบ ไม่ตรงกับตัวเลขใดบนตารางข้างต้น หรือมีขนาดมากกว่า 8 หลักหรือ 7 หลัก ให้สันนิษฐานไว้เบื้องต้นว่ากระเป๋าใบนั้นอาจเป็นของปลอม ตารางในปัจจุบัน จะมีแสดงตัวเลข Serial Number ถึง ปี ค.ศ. 2019 แต่กระเป๋าที่ผลิตตั้งแต่ปี ค.ศ. 2020 เป็นต้นมา จะเปลี่ยนแค่ตัวเลข 2 ตัวหน้าเท่านั้น ตัวอย่างเช่น รหัส 27XXXXXX จะเป็นรหัสของกระเป๋าที่ผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 2020
ข้อยกเว้น : เว้นเสียแต่ว่าเป็นกระเป๋าที่ผลิตขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1984-1986 ซึ่งถือว่าเป็น “รุ่นวินเทจ” นั้น ตัวเลขที่ระบุบนสติ๊กเกอร์จะเป็นเลขจำนวน “6 หลัก”
สำหรับสติ๊กเกอร์ในช่วงปี ค.ศ. 1986-1999 ความพิเศษอยู่ที่ สติ๊กเกอร์จะมีพื้นหลังเป็นโลโก้รูปตัว C ไขว้ (Serial Number จะนำหน้าด้วยเลข 0-5) หลังจากปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน (Serial Number ที่นำหน้าด้วยเลข 6 เป็นต้นมา) จะเป็นสติ๊กเกอร์สีขาว มีโลโก้ C ไขว้ 2 ตัว มีตำแหน่งอยู่ด้านบนของตัวเลข
และแน่นอนว่า ตารางการเปรียบเทียบตัวเลขเหล่านี้ คุณสามารถพบและศึกษาได้จาก Website โดยทั่วไป นั่นหมายความว่า บริษัทผลิตของปลอมก็สามารถนำตัวเลขเหล่านี้ใมาใช้กับกระเป๋าปลอมได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการตรวจสอบ Serial Number เหล่านีั โดยสติ๊กเกอร์รุ่นปัจจุบัน จะมีการปิดทับด้วยสติ๊กเกอร์ใสทับอีกชั้น และมีรอยกรีดเป็นตัว X คาดทับบนสติ๊กเกอร์จากมุมทั้ง 4 ด้าน เพื่อป้องกันการแกะลอกของสติ๊กเกอร์
ข้อควรระวัง : หาก Hologram Sticker ไม่มีสัญลักษณ์ตัว CC ปรากฏ หรือแม้แต่รอยขีดรูปตัว X บนสติ๊กเกอร์หรือมีจุดสะท้อนแสงเป็นสีรุ้ง ให้สันนิษฐานไว้เบื้องต้นว่า อาจไม่ใช่กระเป๋าของแท้
ด้านล่างนี้ คือ ตัวอย่างหน้าตาของ Hologram Sticker บางส่วน หากคุณตรวจสอบกระเป๋าของคุณ และยังไม่สามารถหาสติ๊กเกอร์ดังกล่าวนี้ได้ อย่าเพิ่งตกใจ การใช้งานที่สมบุกสมบันรวมถึงการเสียดสีของวัสดุภายในกระเป๋า อาจทำให้ตัวสติ๊กเกอร์มีการจางลงหรือหลุดลอกได้ นอกจากนี้ ความเป็นไปได้ที่กระเป๋าของคุณ อาจเป็นกระเป๋าของแท้ยุควินเทจ ซึ่งผลิตออกมาก่อนปี ค.ศ. 1986 ก็เป็นได้
2. Examine the Stitch Quality and Stitch Count
การตรวจสอบคุณภาพของการเย็บตะเข็บและจำนวนฝีเข็ม เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม เมื่อคุณเป็นเจ้าของกระเป๋า Chanel สักใบ มันไม่ใช่เพียงการได้ครอบครองกระเป๋าในฝันเท่านั้น กระเป๋าของ Chanel ทุกใบ ล้วนแล้วแต่ใช้วัสดุคุณภาพชั้นเยี่ยม รวมถึงฝีมือการเย็บอันพิถีพิถันของช่างฝีมือ การเย็บกระเป๋าไม่ควรมีตำหนิ ด้ายมีความแน่นไม่หลุดลุ่ย หรือแม้แต่ความผิดปกติใด ๆ
กระเป๋า Chanel ทุกใบ ยังมีมาตรฐานของจำนวนฝีเข็ม ของกระเป๋าในแต่ละรุ่น ซึ่งควรมีจำนวน 10 ฝีเข็มขึ้นไปต่อ 1 ช่องของลายข้าวหลามตัด (diamond quilting) ฝีเย็บเหล่านี้ ช่วยให้กระเป๋ามีความแข็งแรงและยังช่วยป้องกันการพองตัวของหนังจากการใช้งาน จำนวนฝีเข็มจะแตกต่างกันออกไปตามแต่รุ่นของกระเป๋า อย่างไรก็ตาม อาจพบได้ว่าในกระเป๋าบางรุ่นหรือรุ่น Limited Edition จะมีฝีเข็มน้อยกว่า 10 ฝีเข็ม จึงต้องมีการพิจารณาถึงองค์ประกอบส่วนอื่นของกระเป๋าด้วยก่อนการตัดสินใจ
ภาพตัวอย่างทางด้านซ้าย : โปรดสังเกตตัวล็อครูป CC ไขว้อย่างถี่ถ้วนอยู่เสมอ ตัวล็อค CC ไขว้นี้ ได้รับการออกแบบในช่วงปี 1980s โดย ดีไซเนอร์ชื่อดังผู้ล่วงลับ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ (Karl Lagerfeld) ให้ทำการสังเกตที่ตัวอักษร C ทั้ง 2 จะมีความเหลื่อมกันอย่างพอดี รวมทั้งความกว้างที่มีขนาดเท่ากัน และขอบที่เรียบ ไม่ขรุขระ
ภาพตัวอย่างทางด้านขวา : สำรวจฝีเข็มบนกระเป๋าของคุณโดยละเอียด Chanel ใช้วิธีการเย็บที่พิถีพิถันเพื่อให้กระเป๋ามีความแข็งแรง และคงรูปทรง กระเป๋าของแท้ ควรมีฝีเข็มอย่างน้อย 10 ฝีเข็มขึ้นไป ต่อ 1 ลายข้าวหลามตัด แต่อย่างไรก็ตามฝีเข็มอาจมากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับรุ่นของกระเป๋า ซึ่งต้องพิจารณาจากองค์ประกอบอื่นด้วย
3. Inspect the Hardware
ตัวอะไหล่ของกระเป๋า Chanel ทุกใบ ล้วนแล้วแต่มีค่าในตัวของมันเอง คุณสมบัติของมันช่วยเพิ่มความหรูหรามีประกายให้กับตัวกระเป๋าเป็นพิเศษ นี่เป็นสิ่งที่บริษัทเลียนแบบกระเป๋าปลอมไม่สามารถทำได้เหมือนของแท้ เนื่องจากคุณภาพของวัสดุที่ใช้ มีความแตกต่างกันอย่างมากนั่นเอง
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ : ตัวอักษร C บนกระเป๋าของแท้ จะมีความกว้างเท่ากัน และช่องว่างระหว่าง C อีกตัวยังเท่ากันอีกด้วย สิ่งแรกที่ควรสังเกต คือ “C” ทางขวาจะซ้อนทับด้านซ้ายของ “C” อีกตัวที่ด้านบน และตัว “C” ด้านซ้ายจะซ้อนทับด้านขวาของตัว “C” อีกตัวที่ด้านล่าง ขั้นต่อไป ตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวล็อค CC อยู่ตรงกลางทั้งแนวตั้งและแนวนอนบนแผ่นหนัง ถ้าตำแหน่งผิดแปลกไปจากนี้ อาจเป็นกระเป๋าปลอม
อีกข้อสังเกตที่สำคัญ : คือ ขอบของ CC จะมีความแบนเรียบ คมชัด หากเป็นกระเป๋าของแท้ ถ้าคุณสังเกตเห็น ว่ามันปรากฏเป็นขอบมนแสดงว่าเป็นของปลอม อีกทั้งหากพบตราประทับบนตัวล็อค CC แสดงว่ากระเป๋าใบนั้นผลิตในฝรั่งเศส หากไม่มีตราประทับแสดงว่ากระเป๋านั้นผลิตในอิตาลี ตรวจสอบให้แน่ใจว่าตราประทับนั้นมีความชัดเจนและไม่เลอะเทอะ ของปลอมส่วนมากจะไม่ค่อยใส่ใจรายละเอียดตรงจุดนี้ และผลงานที่ออกมาจะมีรอยตำหนิที่สามารถสังเกตได้
เปิดมาด้านในของกระเป๋า ในส่วนของอะไหล่ตัวล็อค หากเป็นกระเป๋ารุ่นเก่า อาจพบว่าตัวน็อตจะมีรูปร่างที่แบน (ดังในรูปตัวอย่างรูปแรก) ในส่วนของกระเป๋ารุ่นใหม่กว่าในปัจจุบัน ทาง Chanel จะใช้ตัวน็อตที่มีรูปร่างคล้ายดาว 6 เหลี่ยม (ตัวอย่างรูปที่ 2) หากคุณพบว่าตัวน็อตบนกระเป๋าคุณ เป็นแบบ philips-head (รูน็อตเป็นรูปตัว X ตัวอย่างในรูปที่ 3) แล้วล่ะก็ นั่นคือของปลอมอย่างแน่นอน เพราะ Chanel ไม่เคยนำน็อตรุ่นนี้ มาใช้ในการตัดเย็บกระเป๋า
ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าสีของอะไหล่ของกระเป๋า (เช่นสีเงินสีทอง) ตรงกับสีของตัวปั๊ม “CHANEL” ซึ่งอยู่ด้านในของกระเป๋า หากคุณเห็นตราประทับ “Made in Paris” แสดงว่ากระเป๋านั้นเป็นของปลอม Chanel จะประทับตราเฉพาะ “France” และ “Italy” เท่านั้น สำหรับการปั๊ม “Made In” เป็นเรื่องปกติที่จะเห็น “CHANEL” และ “PARIS” ฝังอยู่ในฮาร์ดแวร์อย่างไรก็ตามผู้ปลอมแปลงมักจะเข้าใจผิดว่าเป็นตราประทับ “Made In” นั่นเป็นที่มาของ คำว่า “Made in Paris” ในกระเป๋าปลอมส่วนใหญ่นั่นเอง
ข้อควรระวัง : กระเป๋าที่มีตัวปั๊มปรากฏคำว่า “Made in Paris” ฟันธงได้เลยว่ากระเป๋าใบนั้นเป็นของปลอมอย่างแน่นอน โดยไม่ต้องพิจารณาส่วนอื่นประกอบ
4. Analyze the Zippers Closely
คนส่วนใหญ่จะมองข้ามในเรื่องการสังเกตตัวซิปของกระเป๋า ซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้ส่วนประกอบอื่นของกระเป๋าเช่นกัน ในการตรวจดูกระเป๋าของแท้ เนื่องจากตัวซิปสามารถบ่งบอกรายละเอียดต่าง ๆ ได้มากมาย ยี่ห้อของซิปที่ชาแนลใช้ มีหลากหลายบริษัท ที่โดดเด่นและสามารถพบเห็นทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น OPTI DMC, EP Zipper แบบซิปที่ใช้กับหัวซิปเป็น Pull Tag ที่ทำจากหนัง, ซิปจาก Lampo, YKK และ ซิปจาก Eclair สำหรับตัวซิป ที่มีเครื่องหมายตัว C ภายในวงกลม และไม่มีเครื่องหมายอื่นใด ๆ บนตัวซิป จะพบได้ในกระเป๋ารุ่นเก่า
5. Look at the Quilting Pattern and Symmetry
สิ่งสำคัญที่ควรทราบ คือ เมื่อกระเป๋าได้ผ่านการใช้งานหลายปี ตัวกระเป๋าอาจเกิดตำหนิได้ วัสดุหนังอาจมีความอ่อนตัวขึ้นเล็กน้อย รอยเย็บลูกฟูกอาจดูไม่พองตัวเหมือนเดิม ซึ่งตำหนิเล็กๆน้อยๆเหล่านี้เกิดขึ้นจากการใช้งาน ไม่ใช่เพราะเป็นกระเป๋าปลอมแต่อย่างใด โปรดพิจารณาส่วนอื่นประกอบอย่างรอบคอบ ในส่วนของสายโซ่ ที่เป็นสายสะพายไหล่นั้น จะพันด้วยสายหนังที่สม่ำเสมอ จะต้องไม่มีรอยต่อหรือรอยกาวของหนังให้เห็น
6 Easy Steps to Authenticate a Chanel Bag
สรุป 6 จุดสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ในการพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างกระเป๋า Chanel ของแท้และของปลอม แบ่งออกเป็น 6 ข้อดังนี้
- Serial Numbers/Date Codes : ตรวจสอบหมายเลข Serial Number ให้ตรงกัน ทั้งตัว Authenticity Card และ Hologram Sticker
- Stitch Quality and Stitch Count : ตรวจและนับฝีเข็มของลวดลายข้าวหลามตัดบนกระเป๋า ไม่ควรต่ำว่า 10 ฝีเข็มเป็นอย่างน้อย ซึ่งอาจจะมีมากกว่าหรือน้อยกว่า 10 ฝีเข็ม แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น
- Hardware : อะไหล่ของกระเป๋าชาแนลจะค่อนข้างมีน้ำหนัก เนื่องจากทำจากโลหะที่มีคุณภาพสูงสุด ไม่ใช่พลาสติกหรือโลหะที่ไม่ผ่านเกณฑ์คุณภาพ อะไหล่ตัวน็อตจะต้องเป็นแบบหัวแบนหรือรูปดาวที่เป็นกรรมสิทธิ์ของกระเป๋ารุ่นใหม่
- CC logo : ตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัว CC มีขนาดและช่องห่างที่เข้ากัน การไขว้กันอย่างเหมาะสม ทั้งในส่วนของอะไหล่ และรอยเย็บที่ปรากฏบนกระเป๋า
- Quilting pattern and symmetry : ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ว่าลายด้านหลังของกระเป๋า มีการเรียบกันอย่างเป็นระเบียบ ไม่มีการเหลื่อมล้ำ
- Zippers : อย่าลืมตรวจสอบตัวซิป ที่ Chanel นิยมใช้บ่อย เช่น Lampo, DMC, YKK, ซิป eclair หรือซิปแบบวินเทจ
และทั้งหมดนี้ คือ วิธีดู Chanel ของแท้ เบื้องต้นแบบง่าย ๆ ที่สามารถทำการสังเกตด้วยตัวเองที่บ้าน สำหรับสาวก Chanel มือใหม่ ที่ยังไม่มีประสบการณ์ สามารถใช้ข้อมูลนี้เป็นตัวอย่างเพื่อเริ่มต้นในการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกระเป๋าแท้และกระเป๋าปลอม แต่อย่างไรก็ดี เราตระหนักไว้ว่า ศิลปะของ Chanel ที่ถ่ายถอดออกมาเป็นงานศิลป์บนกระเป๋าแต่ละใบ ล้วนแล้วแต่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งต้องสั่งสมประสบการณ์ ต้องใช้เวลามากพอสมควรในการพัฒนา และจดจำทักษะต่าง ๆ ในการแยกแยะอย่างมืออาชีพ เพื่อความมั่นใจ ควรทำการตรวจสอบกระเป๋าของท่าน กับผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพหรือตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้เท่านั้นนะคะ
หากต้องการทราบรายละเอียดสำหรับวิธีการตรวจกระเป๋า Chanel ของแท้ ในส่วนต่าง ๆ นอกจากนี้ สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ “9 วิธีตรวจกระเป๋า Chanel ของแท้”
รัก
xoxo