To top
14 Jan

ประวัติแบรนด์ Burberry ย้อนตำนานแบรนด์เก่าแก่จากอังกฤษ

เทรนช์ โค้ท (Trench Coat) เสื้อคลุมสไตล์อังกฤษที่เป็น Fashion Icon ระดับโลก เทรนช์ โค้ท สินค้าชิ้นสำคัญที่เป็นตำนานของแบรนด์ Burberry ที่มีการปรับรูปแบบให้เข้ากับในแต่ละช่วงยุคสมัย เช่นเดียวกันกับสัญลักษณ์ของ Burberry ที่มีการเปลี่ยนแปลงมาตลอดจากเมื่อครั้งก่อตั้งแบรนด์จนถึงปัจจุบัน ในครั้งนี้เราจะพาคุณย้อนกลับไปไล่เลียงเหตุการณ์ในครั้งอดีตเพื่อตามรอย ประวัติแบรนด์ Burberry แบรนด์อัศวินขี่ม้าผู้โด่งดัง

Burberry logo

โลโก้ในช่วงปี 1901 ของ Burberry

 

ยุคเริ่มแรกของ Burberry

Burberry เป็นแบรนด์ที่เก่าแก่จากประเทศอังกฤษ อายุกว่า 160 ปี ประวัติ​แบรนด์​ Burberry นั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อ โทมัส เบอเบอรี่ (Thomas Burberry) เด็กฝึกงานในร้านผ้าม่าน วัย 21 ปี มีความคิดอยากจะเปิดร้านเป็นของตัวเอง ในช่วงแรกๆ เขามีแนวคิดเปิดเป็นร้านขายเสื้อผ้า สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การตกปลาและการล่าสัตว์ เขาเป็นนักประดิษฐ์ที่ได้คิดค้นผ้ารูปแบบผ้าขึ้นมาใหม่ ที่มีคุณสมบัติกันน้ำได้เป็นอย่างดีและเรียกผ้าชนิดนี้ว่า ผ้ากาบาร์ดีน (Gabardine)

โทมัส เบอเบอรี่

โทมัส เบอเบอรี่ : ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Burberry

Thomas Burberry เกิดที่ Brockham Green จบการศึกษาที่โรงเรียน Brockham Green Village ได้รับการฝึกงานที่ร้านผ้าม่านท้องถิ่น และเปิดกิจการเป็นของตัวเองที่ Basingstoke เมืองเล็กๆ ซึ่งมีคนอาศัยอยู่ราว 4,500 คน ในตอนแรกเริ่ม ช่วงปี 1856 การออกแบบของเขาจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสื้อผ้าชุดประจำวันของเหล่าทหารพลเรือน (ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1)

ความสนใจหลักของเขา คือ การพัฒนาผ้าที่สามารถกันน้ำได้ และเขาได้ค้นพบผ้ากาบาร์ดีน (Gabardine) ที่ทำมาจากฝ้ายอียิปต์ผสมผสานกับนวัตกรรมสมัยใหม่ จึงได้ผ้าที่มีคุณสมบัติกันน้ำได้อย่างดีเยี่ยม ทนทานต่ออากาศร้อน อากาศเย็น กันฝน และทนต่อสภาพอากาศที่เต็มไปด้วยหิมะ โดยที่ Thomas Burberry ได้คิดค้นผ้าการ์บาดีนมาเพื่อปฏิวัติชุดกันฝน ซึ่งส่วนใหญ่จะหนัก และอึดอัดไม่สบายต่อการสวมใส่ ภายหลังผ้ากาบาร์ดีนนั้นจึงได้รับการจดสิทธิบัตรใน ปี 1888 และ ทำให้ Burberry เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก

ผ้ากาบาร์ดีน

ผ้ากาบาร์ดีนที่โทมัส เบอเบอรี่ได้ค้นพบขึ้นในปี 1879

Burberry มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุดกีฬากันน้ำ และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำให้ธุรกิจของเขาขยายตัวอย่างรวดเร็ว    ในปี 1881 Thomas Burberry ก่อตั้งโรงงานขนาดใหญ่ที่มุ่งเน้นการผลิต และขายส่งเสื้อผ้าพร้อมสวมใส่ ซึ่งขณะนั้นเขาจ้างคนงานกว่า 200 คน เพื่อเป็นแรงงานในการผลิตภายใต้โรงงานนี้

ชีวิตการเกษียณของ Thomas Burberry หลังปี 1917 เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการมุ่งเน้นศาสนาและความเชื่อด้านมนุษยธรรม เขาดูแลตนเอง ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น Thomas เป็นคนที่ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และยังรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่อีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้    ส่งอิทธิพลต่อตัวเขาเอง ไปตลอดจนการทำงานของเขานั่นคือ เขามีสุขภาพที่ดี มีวินัยในการทำงาน ใส่ใจในทุกๆ รายละเอียดของงาน ทำให้ Burberry กลายเป็นแบรนด์ที่เข้มแข็งอีกแบรนด์หนึ่งจากฝั่งอังกฤษ และในปี 1920 Thomas Burberry เสียชีวิตลงอย่างสงบ ในวัย 90 ปี ที่บ้านพัก เมือง Hook ใกล้ๆ กับ Basingstoke ในปี 1926

ด้วยความสำเร็จจากการสร้างผ้ากาบาร์ดีน ทำให้ Burberry เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ไม่นานก็มีคำสั่งซื้อจากชนชั้นสูงของโรงแรม Jermyn Street โดยที่ อาเธอร์ (Arthur) ลูกชายของ Thomas Burberry เป็นผู้ดำเนินการเรื่องการจัดส่ง ซึ่งเขาจัดส่งสินค้าให้กับบรรดาลูกค้าด้วยรถยนต์ส่วนตัวของเขาเอง (ส่งภายในวันเดียว) หลังจากนั้นธุรกิจเริ่มเฟื้องฟูและคล่องตัวมากขึ้น จึงนำไปสู่การเปิดร้านใหม่เป็นอาคารขนาดใหญ่ ใน Haymarket ที่ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อว่า วอลเตอร์ เคฟ (Walter Cave)

Haymarket, Burberry store

ร้าน Burberry ที่ Haymarket ในลอนดอน

 

Burberry แบรนด์ผู้สนับสนุนในทุกกิจกรรม

Burberry ขึ้นชื่อในเรื่องของ เทรนช์ โค้ท (Trench Coat) ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษสำหรับการปกป้องผู้ส่วมใส่จากสภาพอากาศที่แตกต่างกัน ด้วยความท้าทาย ความหลากหลายของกิจกรรมต่างๆ ทำให้ Burberry เป็นผู้สนับสนุนของกิจกรรมกลางแจ้งในหลากหลายประเภท เช่น กีฬาตกปลา กีฬาล่าสัตว์ รวมทั้งกิจกรรมพิเศษๆ ของเหล่านักสำรวจ อาทิ นักสำรวจขั้วโลก ชาวนอร์เวย์        ด็อกเตอร์ ฟริดท์จอฟ แนนเซิน (Dr.Fridtjof Nansen) เป็นนักสำรวจคนแรกที่นำชุด Burberry Gabardine ไปขั้วโลกเหนือเมื่อครั้งที่เขาแล่นเรือไปยัง Arctic Circle

ในปี 1908 นายพลอากาศ เอ็ดเวิร์ด เมทแลนด์ (Edward Maitland) ต้องการที่จะสร้างสถิติการเดินทางการเดินทางข้ามทะเลด้วยบอลลูนร้อน โดยเขาสวมใส่ชุดคลุมของ Burberry Gabardine เดินทางจากปราสาทคริสตัล มุ่งหน้าสู่ประเทศรัสเซีย ด้วยระยะทาง 1117 ไมล์ ในเวลา 13 ชั่วโมงครึ่ง ทำให้เขาได้รับการบันทึกสถิติการเดินทางข้ามทะเลระยะไกลของโลก และบันทึกการบินระยะทางไกลของอังกฤษ ได้สำเร็จ

ในปี 1937 Burberry ยังเป็นผู้ให้การสนับสนุนเที่ยวบินทำลายสถิติจาก Croydon สู่ Cape Town ในเครื่องบินที่ถูกเรียกกันว่า      The Burberry นักบินทั้งสองซึ่งนั่นก็ คือ เรืออากาศโท อาเธอร์ เคลาส์ตัน (Arthur Clouston) และ เบ็ตติ เคอบี้ กรีน (Betty Kirby-Green) ทั้งคู่ต่างก็สวมเสื้อผ้าจาก Burberry หรือแม้กระทั่งนักสำรวจชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงอย่าง เซอร์ เออร์เนสท์ แชกเคิลตัน (Sir Ernest Shackleton) ก็สวมใส่ชุดคลุม Burberry Gabardine สำหรับการเดินทางสำรวจถึงสามครั้ง ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 รวมไปถึงทีมสำรวจคนอื่นๆ อีกด้วย

Arthur Clouston and Betty Kirby-Green wear Burberry

เรืออากาศโท Arthur Clouston และ Betty Kirby-Green ทั้งคู่สวม Burberry

 

เทรนช์ โค้ท : จากชุดเหล่าทหารอังกฤษ สู่หัวใจหลักของแบรนด์

เสื้อโค้ท Tielocken Coat ที่ออกแบบโดย Thomas Burberry ในปี 1912 ได้รับการจดสิทธิบัตร Tielocken Coat คือต้นแบบของ Trench Coat ในปัจจุบัน การออกแบบครั้งแรกของแบรนด์ Burberry ใช้ผ้ากาบาร์ดีนในการตัดเย็บ มีการดีไซน์แบบไร้กระดุม        มีเพียงแค่สายรัดตัวเสื้อด้านหน้าเท่านั้น นอกจากนี้ เทรนช์โค้ทได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่ของทหารอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้เทรนช์โค้ตเป็นเหมือนภาพลักษณ์ และคล้ายกับชุดประจำชาติของอังกฤษในเวลานั้น

Trench Coat

เทรนช์ โค้ท เป็นที่นิยมของเหล่าทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ในหลายๆด้าน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของ เทรนช์ โค้ท (Trench Coat) และแจ็กเก็ตชิ้นสำคัญอื่นๆ เช่น Field Jacket, Quilted Jacket, Parker Jacket และ Duffle Coat ซึ่งทั้งหมดนั้นมีประวัติอันยาวนาน โดยมีแจ็กเก็ตเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก และ เทรนช์ โค้ท ก็เปรียบเสมือนหัวใจหลักของแบรนด์ ดังนั้นความใส่ใจในรายละเอียดจึงเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจของแบรนด์ตลอดกาล

 

จากสัญลักษณ์อัศวินขี่ม้า สู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่

เมื่อประมาณช่วงปี 1901 บริษัท Burberry ได้จัดการแข่งขันออกแบบสัญลักษณ์ของแบรนด์ขึ้น และที่ชนะรางวัล คือ สัญลักษณ์รูปอัศวินขี่ม้า โดยการออกแบบมีแรงบันดาลใจมาจากชุดเกราะของอัศวิน ที่จัดแสดง ณ Wallace Collection ในลอนดอน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Burberry ก็ใช้สัญลักษณ์เป็นรูปอัศวินขี่ม้า ซึ่งแบรนด์ Burberry ได้มีการปรับเปลี่ยนสัญลักษณ์ของแบรนด์อยู่เสมอเพื่อทำให้เข้ากับยุคสมัย

เมื่อปี 1999 ทางแบรนด์ Burberry ได้เปลี่ยนโลโก้แบบใหม่ ที่ออกแบบโดยผู้อำนวยการศิลป์อย่าง ฟาเบียน บารอน (Fabien Baron) ซึ่งเป็นโลโก้ชิ้นสุดท้ายที่มีอัศวินชุดเกราะขี่ม้า ก่อนสัญญาลักษณ์นี้จะหายไปจากโลโก้ของ Burberry ในปี 2018 เหลือเพียงโลโก้ที่มีแค่ตัวอักษรเรียบง่าย โดยการออกแบบของ พีเตอร์ สวิลล์ (Peter Saville)

Burberry logo

การเปลี่ยนแปลงโลโก้ของ Burberry : ประวัติแบรนด์ Burberry

Burberry เป็นแบรนด์แรกที่มีการถ่ายทอดสดในการแสดงแฟชั่นโชว์ ซึ่ง Burberry เปิดตัว TweetWalk เป็นครั้งแรก เป็นการทวีตภาพลงในโซเชี่ยลมีเดียผ่านทาง Tweetter ซึ่งในซึ่งในคอลเล็กชั่น Spring/Summer 2012 จะมีการโพสท์ภาพในแต่ละลุคลงในสื่ออนไลน์ก่อนจะมีการเดินโชว์จริงๆ และแบรนด์ Burberry ก็เป็นแบรนด์แรกที่จัดให้ผู้ชมสามารถซื้อสินค้าจากคอลเล็กชั่นบน Runway ได้ในทันทีหลังจากที่แฟชั่นโชว์จบลง

 Burberry spring/summer 2012 collection

คอลเล็กชั่นเสื้อผ้าสตรีในฤดูใบไม้ผลิ/ร้อน ประจำปี2012

ในปี 2000 Burberry เปิดร้านค้าแห่งใหม่บน Bond Street เป็นแห่งแรก จากนั้นในปี 2001 คริสโตเฟอร์ เบลลี่ (Christopher Bailey) ได้รับการแต่งตั้งเป็น เฮดดีไซเนอร์ ของ Burberry ด้วยวิสัยทัศน์และการบริหารงานของเขา ทำให้แบรนด์เติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลอย่างมากของวงการแฟชั่นในปัจจุบัน

แบรนด์ Burberry ไม่เพียงสร้างผลิตภัณฑ์มาเพื่อตอบสนองความต้องการขอผู้บริโภคเท่านั้น แต่แบรนด์ยังมีโครงการ ตลอดจนการตั้งมูลนิธิต่างๆ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมเสมอมา และเพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับสังคม Burberry ร่วมมือกับวิทยาลัยศิลปะแห่งสหราชอาณาจักร (RCA) ประกาศก่อตั้งกลุ่มงานวิจัยด้านวัสดุในอนาคต โดย Burberry มีจุดมุ่งหมาย คือ การคิดค้นวัสดุที่มีความยั่งยืน เพื่อความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมการผลิต เพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมและชุมชนในวงกว้าง

การตั้งมูลนิธิ Burberry ขึ้นเป็นองค์กรการกุศลอิสระจัดตั้งเพื่อการกุศล การบริจาคทั่วไป และในปี 2018 Burberry ยกย่องความหลากหลายทางเพศ โดยแบรนด์ได้ออกคอลเล็กชั่นใหม่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2018 ที่ผ่านมา คือ The Rainbow Vintage check  เพื่อการบริจาคเงินให้กับสามองค์กรชั้นนำอย่าง The Albert Kennedy Trust, The Trevor Project และ ILGA ทั้งหมดนี้ อุทิศเพื่อสนับสนุนเยาวชน LGBTQ+ ทั่วโลก

the rainbow vintage check

คอลเล็กชั่นที่ออกแบบเพื่อการเฉลิมฉลองให้กับความหลากหลายทางเพศ

ในเดือนกันยายนปี 2018 Burberry ประกาศจะเลิกใช้ขนสัตว์ในผลิตภัณฑ์ และค่อยๆ ทยอยกำจัดผลิตภัณฑ์จากขนสัตว์ที่มีอยู่ในสโตร์ Burberry เป็นแบรนด์หรูแบรนด์แรก ที่มีเข้าร่วมการค้าอย่างมีจริยธรรม โดยดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมในวงกว้าง นึกถึงผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ปัจจุบัน Burberry เป็นแฟชั่นเฮ้าส์หรูหราของอังกฤษ มีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน มีสโตร์กว่า 500 ใน 51 ประเทศทั่วโลก โดยจะมุ่งเน้นให้มีการจัดจำหน่ายเทรนช์ โค้ต เป็นหลัก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของแบรนด์ เสื้อผ้าพร้อมสวมใส่ แจ็กเก็ต เครื่องประดับแฟชั่น น้ำหอม แว่นตากันแดด และเครื่องสำอางค์

 

khwanchanok